Saturday 8 August 2015

เพราะเป็นเรา เขาถึงมา!


         วันนี้กลับมาพร้อมชื่อเรื่องสั้น ๆ เนื่องจากผมได้มีโอกาสเห็น รับรู้ รับฟังและได้ยินเรื่องราวอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับธุรกิจ หรือคนหลาย ๆ คนสั่งห้ามลูกค้านั่งแช่ในร้านกาแฟ หรือร้านฟาสต์ฟู้ด เริ่มตั้งแต่ปีที่แล้วที่ McDonald สยาม ออกกฎห้ามนั่งนาน หรือร้านกาแฟชื่อดังเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่มีออกใบเสร็จค่านั่งคุยงานในร้านชั่วโมงละ 2,000 บาท แม้ว่าจะไม่ได้เก็บเงินจริง แต่ก็เป็นประเด็นที่คุยกันมากพอสมควร แถมตอนนี้เริ่มได้ยินว่าร้านสตาร์บัคกำลังจะออกกฎห้ามนั่งนาน ฟังดูแล้วเริ่มรู้สึกว่าธุรกิจเหล่านั้น หรือผู้บริหารธุรกิจเหล่านั้นกำลังให้ความสำคัญกับมูลค่าของธุรกิจ (Business Value) มากกว่าคุณค่าของลูกค้า (Customer Value) และลืมนึกถึงรากเหง้า หรือต้นกำเนิดของตนเองที่ผ่านการปฏิบัติซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเป็นเอกลักษณ์ เป็นจุดเด่นจนกระทั่งกลายเป็นวัฒนธรรมของตราสินค้าเรา วันนี้ผมกลับมาเขียน Blog หลังจากหายไปนาน แม้ว่าสัญญากับหลาย ๆ ท่านว่าจะเขียนให้ประจำที่สุด แต่ด้วยภาระหน้าที่ทั้งสอน วิจัย และบริการวิชาการทำให้ต้องห่างหายไป วันนี้กลับมาใหม่จะพยายามทำให้เต็มที่และสม่ำเสมอครับ
 

ที่มาภาพ: http://hilight.kapook.com/view/79717/2

          คำว่าเพราะเป็นเรา เขาถึงมา ผมได้ยินจากการประชุมงานวิจัยที่จังหวัดกระบี่ โดยพี่ก้อย คุณวิยะดา ศรีรางกูล ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกระบี่ได้เล่าให้พวกเราฟังถึงความเป็นตัวตนของการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ที่ไม่จำเป็นต้องไปแต่งเติมเสริมแต่ง ขอเพียงแค่รักษาสิ่งที่เรามี ซึ่งจุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นของงานวิจัยในปีนี้ของเราที่จังหวัดกระบี่ในการสร้างภาพลักษณ์การเป็นเมืองท่องเที่ยวสีเขียว จังหวัดกระบี่ ย้อนกลับมาถึงเพราะเป็นเราเขาถึงมาไม่ว่าจะเป็น McDonald หรือ สตาร์บัค หรือร้านกาแฟอีกหลาย ๆ แห่ง ผมบอกได้เลยครับว่าท่านกำลังละเลยหรือลืมความเป็นตัวตนของท่าน กว่าที่ลูกค้าจะนัดพบหรือเข้าไปนั่งในร้านของท่าน ไม่ได้เกิดขึ้นโดยฉับพลัน แต่เป็นการค่อย ๆ สร้างและบ่มเพาะของลูกค้าวันแล้ววันเล่า ย้อนกลับไปยี่สิบกว่าปีก่อน ยุคสยามเฟื่องฟู ผมเป็นวัยรุ่นพอดี เด็กวัยรุ่นกรุงเทพฯ สมัยนั้นมักจะไปรวมตัวกันแถวมาบุญครอง หรือสยาม บางคนก็ไปเดินเที่ยวซื้อของ บางคนไปดูสาว ๆ บางคนไปเพราะคาดหวังว่าอาจจะเดินไปเตะตาแมวมองอย่างพี่พจน์ อานนท์แล้วจะได้ขึ้นปกนิตยสารวัยรุ่นชื่อดังสมัยนั้น เธอกับฉันที่ปั้น มอส เต๋า อ้อม และจุดหนึ่งที่วัยรุ่นอย่างพวกเราสามารถเข้าไปนั่ง และคุยกันได้หลังจากเรียนพิเศษกับพี่เจี๋ยที่ตอนนี้มาเปิดแฟรนไชส์โรงเรียนสอนพิเศษอาจารย์เจี๋ย ระยะเวลานานแค่ไหนครับลองนับกันเองว่าทำไมภาพการนั่งคุยในร้าน McDonald จึงเป็นภาพที่คุ้นตา และการเป็นความเคยชินที่ผมมองว่าเป็นวัฒนธรรมของร้าน McDonald ไปโดยปริยาย วันนี้หากมีการสั่งห้ามจริง ๆ ก็คงเหมือนกันการมีดมากรีดข้อมือตัวเองนั่นแหละครับ สตาร์บัคก็เช่นเดียวกัน ผมไม่แน่ใจว่าเรื่องที่ได้ยินมา เป็นเรื่องที่ลือกัน หรือทำเฉพาะในเมืองไทย เมืองนอกออกนโยบายเช่นนั้นมาหรือเปล่า ในฐานะนักการตลาด ผมขอเตือนครับว่าคิดดีๆ ก่อนทำนะครับ ยังมีอีกหลายวิธีครับที่จะจัดการกับลูกค้านั่งแช่ครับ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง
          ก่อนที่จะไปถึงวิธีการผมขออธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนครับว่าทำไมผู้จัดการหรือเจ้าของธุรกิจต้องออกนโยบายดังกล่าว ผมก็พอเข้าใจได้ว่าเกี่ยวข้องกับเหตุผลทางธุรกิจ หลายท่านอาจจะบอกผมว่าเพราะผมไม่ใช่เจ้าของผมก็พูดได้ ลองคิดมุมกลับว่าลูกค้ามานั่งแช่จะทำอย่างไร ไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยคุยวิธีแก้ครับ แต่ผมบอกได้ครับว่าเหตุผลหนึ่งที่เรามองกันคือมูลค่าทางธุรกิจ (Business Value) หรือที่ผมเรียกใน S-D logic ว่าเป็นคุณค่าจากการทำธุรกรรม (Value-in-Transaction) ซึ่งเป็นมุมมองที่เน้นการทำกำไรสูงสุดตามที่โรงเรียนบริหารธุรกิจส่วนใหญ่สอน ไม่แปลกครับทำธุรกิจก็ต้องหวังกำไรสูงสุด แต่ลองคิดในมุมลูกค้าครับว่าเรามีทางเลือกอื่นอีกไหมที่จะเลือกใช้บริการ แน่นอนยุคนี้ ลูกค้ามีทางเลือกมากมาย ซึ่งสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคือ เราต้องให้ความสำคัญกับ Value ในมุมมองคุณค่าของลูกค้าที่ผมบอกได้เลยว่าจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าของธุรกิจในระยะยาว หากเรามองถึงมูลค่าทางธุรกิจในระยะสั้นมากกว่าคุณค่าของลูกค้า ลูกค้าอาจจะเมินหรือบอยคอตสินค้าหรือบริการเราไปเลย เพราะคุณค่าของลูกค้า คือผลประโยชน์ที่ลูกค้าได้รับจากการซื้อหรือใช้สินค้าหรือบริการที่แตกต่างกันตามวัน เวลา สถานที่ ผมยกตัวอย่างธนบัตรใบละ 100 บาท มูลค่าคือ 100 บาท แต่คุณค่าแตกต่างกันตามวัน เวลา สถานที่ครับ หากมหาเศรษฐีมีเงินหลายแสนบาทหากเดินเจอธนบัตรมูลค่า 100 บาทอาจจะเฉย ๆ แต่หากแรงงานที่ตกงาน ไม่มีเงินกินข้าวเดินเจอธนบัตรมูลค่า 100 บาท ธนบัตรใบนี้จะมีคุณค่ามหาศาล จากสองกรณี มูลค่าเท่ากัน แต่คุณค่าแตกต่างกันขึ้นอยู่กับลูกค้าแต่ละคน แต่ละช่วงเวลา ซึ่งคุณค่าจะเกิดขึ้นเมื่อลูกค้าได้ใช้สินค้าและบริการนั้นแล้ว หรือเมื่อแรงงานคนนั้นได้ใช้ธนบัตรมูลค่า 100 บาทนั้นแล้ว และเมื่อใดก็ตามที่ลูกค้าได้ประโยชน์จากเรา ลูกค้าย่อมไม่หนีจากเราไปไหน แม้ว่าวันนี้ลูกค้าจะไม่จ่ายเงินซื้อสินค้าเรา แต่เมื่อใดก็ตามที่ลูกค้าต้องการจะจ่ายเงินเราย่อมเป็นตัวเลือกอันดับแรกแน่นอน ลองคิดย้อนกลับด้วยมุมมองที่ตัวเราเป็นลูกค้า เราจะเลือกร้านไหน เพราะอะไร ด้วยเหตุนี้ ผมฟันธงครับว่า กำไรสูงสุดไม่ใช่คำตอบสุดท้ายครับ สิ่งที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญคือ การสร้างลูกค้าตลอดชีวิต (Long Life Customer) และแนวคิดการสร้างคุณค่าร่วมกันเป็นคำตอบครับ และผมขอฟันธงครับว่า การเน้นที่คุณค่าของลูกค้าจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าของธุรกิจครับ




          ย้อนกลับมาว่าแล้วเราจะทำอย่างไรหากลูกค้ามานั่งนาน อย่างหนึ่งเลยครับ ร้านที่มีคนนั่งย่อมดึงดูดคนที่ผ่านไปผ่านมาได้ดีกว่าร้านที่ไม่มีคนนั่ง หากร้านคนไม่แน่นปล่อยไปเลยครับสร้างความครึกครื้นให้ร้านเรา สำหรับช่วงคนแน่น คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้จัดการร้านแล้วล่ะครับว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้าสั่งอาหารและเครื่องดื่ม ผมบอกเลยครับว่าไม่มีสูตรตายตัว แต่สิ่งที่บอกได้เลยคือ คนไทยขี้เกรงใจ ดังนั้น ผมขอแนะนำเทคนิคครับสำหรับเวลาเจอลูกค้านั่งนาน แล้วสั่งน้อย หรือไม่สั่งเลย ดังนี้ครับ
          1. อย่าแสดงทีท่ารังเกียจครับ ยิ้มแย้มบอกลูกค้าเลยครับว่า ตามสบายเลยครับอย่าทำท่าว่าเรากังวลเรื่องเงิน ไม่เอาไม่อาวไม่พูดเราไม่พูดเรื่องเงินกับลูกค้าครับ แต่เราคิด เดี๋ยวค่อยเข้าสู่กระบวนการต่อไป
          2. หมั่นดูแลเอาใจใส่ครับ เสิร์ฟน้ำเปล่าอย่างสม่ำเสมอครับ ดูแลเต็มที่เหมือนเพื่อนมาบ้านเราครับ ใครมาถึงเรือนชานเราต้องต้อนรับ
       3. อย่าปล่อยให้โต๊ะสกปรกครับ คอยดูแลเวลาลูกค้าที่ดื่มเครื่องดื่มหรือทานของว่างบนโต๊ะหมดแล้ว เข้าไปจัดการเลยครับ ลูกค้ามาคุยงานกันเดี๋ยวจะสกปรก เลอะเทอะเอกสาร คอยเก็บแก้ว เก็บจาน เช็ดโต๊ะให้สะอาด พร้อมกับเดินเข้าไปทักทายครับ เช่น แอร์เย็นไปไหมครับ รับอะไรเพิ่มไหมครับ รับน้ำเปล่าเพิ่มนะ พี่ครับวันนี้เรามีเมนูแนะนำใหม่เห็นพี่ๆ นั่งนานอาจจะหิว ถ้าหิวหรืออยากลองเมนูแนะนำ เรียกน้อง ๆ ได้นะครับ
           4. ท่องไว้ครับ ไม่สั่งไม่เป็นไรครับ ถือว่าเราบริการลูกค้า แต่ถ้ามีลูกค้าเข้ามาเยอะ แล้วโต๊ะคุณพี่ไม่สั่งอะไรเลยก็อย่าว่าเค้าครับ หากลูกค้าเข้ามาคนเดียวหรือสองคน อาจจะเดินเข้าไปขออนุญาตฝากลูกค้าครับ พูดไพเราะน่าฟังว่า คุณพี่ครับ ขออนุญาตฝากลูกค้านั่งด้วยสองคนนะครับ พอดีโต๊ะเต็มครับ คุณพี่ตามสบายเลยครับไม่ต้องรีบ แต่ขอให้คุณลูกค้าสองท่านนี้นั่งด้วยนะครับ

          อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะบอกว่าจะทำได้จริงหรือ สิ่งที่ผมแนะนำอย่างที่บอกไม่มีสูตรตายตัวครับ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่ผมบอกได้เลยว่าเราต้องวิเคราะห์ให้ถึงแก่นแท้ของแบรนด์เราว่าตัวตนเราเป็นอย่างไร แล้วหาวิธีจัดการแบบ Win Win เพราะทุกวันนี้ลูกค้าค่อนข้าง Sensitive จากเครือข่ายสังคมออนไลน์ ยิ่งมีใครโพสอะไรแล้วกระแสไปเต็มที่ อะไรที่ไม่เสียหามากหากจะช่วยลูกค้าสร้างคุณค่าได้ บางทีก็ต้องยอมครับ และอย่างที่ผมตั้งเป็นชื่อเรื่องครับว่า เพราะเป็นเรา เขาถึงมาอย่าละเลยตัวตนหรือต้นกำเนิดของตัวเราเองครับ เพราะสิ่งนั้นคือเสน่ห์และสิ่งดึงดูดให้ลูกค้ามาหาเราครับ ท้ายสุดนี้ หากผู้อ่านต้องการแลกเปลี่ยนอะไร ยินดีเลยครับ ส่งอีเมล์มาที่ psiwarit@gmail.com

Siwarit Valley 2015©สงวนลิขสิทธิ์ เอกสารใน Blog นี้ ห้ามนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์โดยมิได้รับอนุญาตอนุญาตให้ใช้เพื่อการศึกษาได้ โดยต้องใช้ตามต้นฉบับเดิมห้ามแก้ไข ดัดแปลง

Welcome to Siwarit Valley

My photo
Nakhon Sri Thammarat, Thailand
สำนักวิชาการจัดการ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช Thailand